การจัดปาร์ตี้หรืออิเวนต์ในยุคปัจจุบัน อรรถรสความสนุกที่เต็มอิ่มนั้นย่อมมาจาก เครื่องเสียงกลางแจ้ง ที่ต้องให้พลังเสียงแน่น กระจายเสียงได้ทั่วพื้นที่ ซึ่งหากเลือกซื้อโดยไม่ได้ทำความเข้าใจสเปกและรูปแบบการใช้งาน อาจตามมาด้วยปัญหากวนใจและงบประมาณที่บานปลาย เพื่อช่วยให้คุณพิจารณาและตัดสินใจได้อย่างมืออาชีพ บทความ 5 เครื่องเสียงกลางแจ้ง พลังเสียงแน่น ตี้มันส์ ปี 2026 จะช่วยแนะนำแนวทางให้คุณเข้าใจเงื่อนไขที่ช่วยให้การตัดสินใจเลือกซื้อสะดวกยิ่ง
วิธีเลือกเครื่องเสียงกลางแจ้งให้เหมาะกับงาน
การเลือก เครื่องเสียงกลางแจ้ง ที่เหมาะกับงาน ไม่ใช่แค่ดูว่าเสียงดังกระหึ่มแค่ไหน หรือราคาเท่าไหร่เท่านั้น แต่ต้องพิจารณาภาพรวมที่ครอบคลุม เพราะเครื่องเสียงที่ดีจะช่วยสร้างบรรยากาศ กระตุ้นอารมณ์ผู้ร่วมงาน และลดปัญหาการใช้งานได้อย่างมาก แนวทางพิจารณาต่อไปนี้จะช่วยให้คุณประเมินและเลือกซื้อเครื่องเสียงกลางแจ้งได้อย่างมั่นใจ
1.ประเภทของงาน ขนาดพื้นที่ และจำนวนผู้ร่วมงาน
งานปาร์ตี้ พื้นที่กว้างหรือโล่ง ควรเลือกเครื่องเสียงที่มีกำลังขับสูงและกระจายเสียงได้ไกล
2.กำลังขับและคุณภาพเสียง (Watt / Sound Performance)
ไม่ควรดูแค่ตัวเลขวัตต์ แต่ต้องพิจารณาคุณภาพเสียง คือต้องไม่แตกเมื่อเปิดเสียงดัง
3.ความสะดวกในการเคลื่อนย้ายและติดตั้ง
มีล้อเลื่อน หรือมือจับ น้ำหนักเบา และรูปแบบการจัดวางที่ขนย้ายสะดวก ซึ่งมีผลต่อการใช้งานจริง
4.การเชื่อมต่อและฟังก์ชันเสริม
รองรับ Bluetooth, USB, ไมโครโฟน, เครื่องดนตรี หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ได้หลากหาย
5.งบประมาณและความคุ้มค่าในระยะยาว
เลือกแบรนด์ที่มีการรับประกันและบริการหลังการขายชัดเจน ทางที่ดีควรได้ทดลองเล่นเสียงก่อน
5 เครื่องเสียงกลางแจ้ง พลังเสียงแน่น ใช้งานจริงปี 2026
JBL Partybox 110 PORTABLE PARTY SPEAKER

เป็นลำโพงพกพาสายปาร์ตี้ที่ให้เสียงทรงพลัง พร้อมเบสแน่น แสงไฟสวย มีระบบกันน้ำ เหมาะกับการเป็นเครื่องเสียงกลางแจ้ง เพื่อสร้างความสนุกสำหรับงานปาร์ตี้ ทั้งในบ้านและนอกบ้าน
ฟีเจอร์เด่น
- กำลังขับ 160 วัตต์ ให้พลังเสียงเพียงพอสำหรับปาร์ตี้ กลางแจ้ง หรือพื้นที่กว้าง
- แบตเตอรี่ในตัว ใช้งานไร้สายได้ ประมาณ 12 ชั่วโมง เหมาะกับพื้นที่ที่ไม่มีปลั๊กไฟใกล้เคียง
- มีระบบกันน้ำระดับ IPX4 ลดความเสี่ยงจากน้ำกระเซ็น
- มีไฟ LED ที่ซิงค์กับจังหวะเพลง สร้างบรรยากาศขณะปาร์ตี้
- รองรับการเชื่อมต่อไมโครโฟน กีตาร์ พร้อมช่องทางเชื่อมต่อหลายแบบ เหมาะกับการร้องเพลง
- มีฟีเจอร์ Bass Boost และมีแอปควบคุมแสง/เสียง ช่วยปรับโทนเสียง เบส และแสงไฟ
- น้ำหนักและพกพาสะดวก เหมาะกับงานที่ต้องย้ายสถานที่หรือใช้งานกลางแจ้ง
ราคา 12,900 บาท (อ้างอิงจากเว็บไซต์ ProPlugin)
LG XBOOM XL7S

เป็นลำโพงพกพาในรูปแบบ “Tower Speaker” ที่ให้พลังเสียง 250 วัตต์ และแบตเตอรี่ในตัว เป็น เครื่องเสียงกลางแจ้ง ที่เหมาะกับทั้งงานปาร์ตี้ ร้องคาราโอเกะ และการใช้งานนอกสถานที่
ฟีเจอร์เด่น
- พลังเสียง 250 วัตต์ ให้เสียงเบสแน่นและพลังเสียงเพียงพอสำหรับงานปาร์ตี้กลางแจ้ง
- มีไฟ LED รอบลำโพงและแสงสีที่ซิงค์กับจังหวะเพลง สร้างบรรยากาศปาร์ตี้ได้ดี
- แบตเตอรี่ใช้งานยาวนาน (สูงสุดประมาณ 20 ชั่วโมง) ใช้งานแบบไร้สายได้ยาวนาน
- พกพา เคลื่อนย้ายสะดวก มีมือจับ พร้อมล้อเลื่อน
- กันน้ำ/กันฝุ่น (มาตรฐาน IPX4) ใช้งานกลางแจ้งโดยไม่ต้องกังวล
- เชื่อมต่อไมโครโฟน กีตาร์ Bluetooth USB AUX เหมาะสำหรับร้องคาราโอเกะ เล่นดนตรี
- มี EQ Sound Boost ปรับแต่งเสียงผ่านแอปได้ ช่วยให้ปรับโทนเสียง เบส และแสงไฟง่าย
ราคา 19,900 บาท (อ้างอิงจากเว็บไซต์ Power Buy)
Bose L1 Pro 16

เป็นลำโพงทรงสูงที่มีดอกลำโพงขนาดเล็กหลายดอกเรียงซ้อนกันในแนวตั้งภายในตู้เดียว แบบพกพา ที่ออกแบบมาให้มีพลังเสียงระดับมืออาชีพ กระจายเสียงได้กว้าง เหมาะสำหรับงานดนตรีสด ดีเจ คาเฟ่ งานอีเวนต์ หรือปาร์ตี้ ทั้งในพื้นที่เล็กถึงกลาง
ฟีเจอร์เด่น
- กำลังขับ 1,250 วัตต์ ระบบลำโพง 16 ดอก มีลำโพงเสียงกลาง แหลม เบส ให้เสียงครบทุกช่วง
- การกระจายเสียงกว้าง 180° เสียงครอบคลุมพื้นที่กว้างไกล
- มีมิกเซอร์ในตัว 3 ช่อง สำหรับไมโครโฟนหรือเครื่องดนตรี,ช่อง Aux และ Bluetooth
- ตั้งค่าเสียงได้ ช่วยให้ปรับเสียงได้ตามลักษณะของงาน (ร้องเพลงสด, ดีเจ, พูด, เล่นดนตรี)
- รองรับ Bluetooth Streaming สตรีมเพลงจากมือถือ/แท็บเล็ต โดยไม่ต้องพ่วงอุปกรณ์อื่น
- เคลื่อนย้ายง่าย โครงสร้างสามารถแยกชิ้น ถอดประกอบสะดวก
ราคา 88,900 บาท (อ้างอิงจากเว็บไซต์ proplugin)
Yamaha Stagepas 400BT

เป็นชุดเครื่องเสียงขนาดพกพา ที่มาพร้อมมิกเซอร์ และลำโพง ที่ออกแบบให้ใช้งานง่าย ทั้งร้องเพลง เล่นดนตรี จัดงานอีเวนต์ หรือปาร์ตี้ ให้เสียงคมชัด เป็น เครื่องเสียงกลางแจ้ง ที่ใช้งานทันทีโดยไม่ต้องซื้ออุปกรณ์เพิ่ม
ฟีเจอร์เด่น
- กำลังขับ 400 วัตต์ ให้พลังเสียงเพียงพอสำหรับงานขนาดเล็กถึงกลาง
- ลำโพง 2 ทาง ขนาด 8 นิ้ว 2 ตัว พร้อมไดรเวอร์แยกเสียงสูง-ต่ำ ให้เสียงครบช่วง
- มิกเซอร์ในตัว 8 ช่อง พร้อมอินพุตหลายแบบ ทำให้ใช้ไมค์ได้หลายตัว
- มี Bluetooth Audio Streaming เชื่อมต่อไร้สายกับมือถือ/แท็บเล็ต เพื่อเล่นเพลงได้
- มีระบบปรับเสียงครบ: เรเวิร์บ, EQ, เอฟเฟกต์, กรองเสียงหวีดหอน
- พกพาง่าย ติดตั้งไว ลำโพง 2 ตู้ พร้อมมิกเซอร์ ถอดประกอบได้ เคลื่อนย้ายสะดวก
- เชื่อมต่อและขยายได้หลายรูปแบบ มีช่อง Output แยกเผื่อขยายระบบเพิ่มในอนาคตได้
ราคา 44,000 บาท (อ้างอิงจากเว็บไซต์ yamaha.com)
Sony SRS-XP500

เป็นลำโพงไร้สายแบบพกพา ที่ออกแบบมาเพื่องานปาร์ตี้ กิจกรรมกลางแจ้งหรือในบ้าน ให้เสียงหนักแน่น มีไฟสร้างบรรยากาศ และแบตเตอรี่ในตัว ใช้งานได้อิสระโดยไม่ต้องเสียบปลั๊ก
ฟีเจอร์เด่น
- กำลังขับ 20 วัตต์ ระบบลำโพง X-Balanced ช่วยให้ได้เสียงหนักแน่น
- มีโหมดเสียง “Live Sound” ช่วยเพิ่มมิติเสียง ให้เสียงดังรอบทิศทาง
- แบตเตอรี่ใช้งานยาวนาน ประมาณ 20 ชั่วโมง พร้อมระบบชาร์จไว
- มีไฟ LED ปรับบรรยากาศได้เพื่อเพิ่มอารมณ์ปาร์ตี้
- กันน้ำระดับ IPX4 ใช้งานได้พื้นที่ที่อาจมีละอองน้ำ เช่น งานริมสระ หรืองาน Outdoor
- เชื่อมต่อได้หลายแบบ: Bluetooth (SBC, AAC, LDAC) AUX USB ช่องไมโครโฟน กีตาร์
- พกพาง่าย เคลื่อนย้ายสะดวก มีมือจับ เหมาะสำหรับงานหลากหลาย
ราคา 14,990 บาท (อ้างอิงจากเว็บไซต์ proplugin)
ตารางเปรียบเทียบความแตกต่างของเครื่องเสียงกลางแจ้ง ทั้ง 5 รุ่น
| เครื่องเสียงรุ่น | กำลังเสียง | แบตเตอรี่ | ฟีเจอร์เด่น | ราคา (บาท) |
|---|---|---|---|---|
| JBL PartyBox 110 | 160 วัตต์ | ประมาณ 12 ชม. | เสียงเบสแน่น, ไฟ LED ซิงค์กับเพลง, ระบบกันน้ำ IPX4, ต่อไมโครโฟน และกีตาร์ได้ | 12,900 |
| LG XBOOM XL7S | 250 วัตต์ | ประมาณ 20 ชม. | ลำโพงวูฟเฟอร์ 8 นิ้ว, ปรับแต่งเสียงผ่านแอปได้,มีที่จับ ล้อเลื่อน, มีไฟ RGB สร้างบรรยากาศ, กันน้ำ IPX4 | 19,900 |
| Bose L1 Pro 16 | 1,250 วัตต์ | เสียบปลั๊ก | กระจายเสียง ได้ 180°, มีมิกเซอร์ในตัว, ตั้งค่าปรับเสียงได้ตามลักษณะงานได้ | 88,900 |
| Yamaha Stagepas 400BT | 400 วัตต์ | เสียบปลั๊ก | มีมิกเซอร์ 8 ช่อง, เอฟเฟกต์ครบ, ขยายระบบได้ | 44,000 |
| Sony SRS-XP500 | 20 วัตต์ | ประมาณ 20 ชม. | มีโหมด Live Sound ช่วยให้เสียงครบทุกมิติ, มีไฟ LED เพิ่มบรรยากาศ, กันน้ำ IPX4 | 14,900 |
อุปกรณ์เสริมที่ควรมีสำหรับงานกลางแจ้ง
แม้ เครื่องเสียงกลางแจ้ง จะให้พลังเสียงแน่นและพร้อมใช้งาน แต่ “อุปกรณ์เสริมที่เหมาะสม” คือหัวใจที่ช่วยให้งานราบรื่น เสียงออกมาดี เสถียร และลดปัญหาจุกจิกระหว่างการจัดงาน อุปกรณ์เหล่านี้ช่วยให้คุณควบคุมเสียงได้ง่าย ปลอดภัย และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ร่วมงานตั้งแต่นาทีแรกจนจบงาน
- ขาตั้งลำโพง
ช่วยยกระดับตำแหน่งลำโพงให้เสียงกระจายได้ไกลและทั่วถึง - ไมโครโฟน (มีสาย / ไร้สาย)
ควรเลือกไมโครโฟนที่เหมาะกับลักษณะงาน เช่น ไมค์ไร้สายสำหรับเคลื่อนไหวสะดวก - ปลั๊กพ่วง / รางไฟคุณภาพสูง (มีเบรกเกอร์)
ป้องกันไฟตก ไฟกระชาก และช่วยให้การจัดระบบไฟฟ้าหน้างานปลอดภัยมากขึ้น - ขาตั้งไมโครโฟน
ลดความเมื่อยล้า ใช้งานได้สะดวก และช่วยให้ตำแหน่งไมค์นิ่ง - กล่องหรือกระเป๋าใส่อุปกรณ์
ช่วยให้การขนย้ายเป็นระเบียบ ป้องกันอุปกรณ์เสียหาย และประหยัดเวลาจัดหน้างาน
ซื้อเครื่องเสียงกลางแจ้งคุณภาพดีได้ที่ไหน?
การเลือกซื้อ เครื่องเสียงกลางแจ้ง ไม่ใช่แค่ดูสเปกบนกระดาษหรือราคาเท่านั้น แต่ยังต้องคำนึงถึงการใช้งานจริง ซึ่งหนึ่งในแหล่งซื้อที่ตอบโจทย์ ก็คือ Fortune Town ศูนย์รวมร้านเครื่องเสียงจากหลากหลายแบรนด์ชั้นนำ ที่ผู้สนใจสามารถทดลองใช้งานจริง และยังมีพนักงานซึ่งมีประสบการณ์ คอยให้คำปรึกษา แนะนำการเลือกซื้อให้เหมาะกับลักษณะการใช้งาน และงบประมาณ โดยเรามีร้านค้าที่น่าสนใจมาแนะนำ เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับทุกคน
ร้าน ProPlugin

ที่ตั้ง: ชั้น 3 ห้องเลขที่ 3E71,3E72-76
ร้าน KStudio

ที่ตั้ง: ชั้น 3 ห้องเลขที่ 069
ร้าน Piyanas Electric

ที่ตั้ง: ชั้น 3 ห้องเลขที่ 001-007,034-035
📍 ฟอร์จูนทาวน์ IT Lifestyle Mall
🕙 เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 10.00 น. – 22.00 น.🚇 เดินทางง่ายด้วย MRT สถานีพระราม 9 ทางออก 1
คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
Q1: เครื่องเสียงกลางแจ้งควรเลือกกำลังขับ (วัตต์) เท่าไรถึงจะเหมาะกับการใช้งาน?
A: ควรเลือกตามขนาดพื้นที่และจำนวนผู้ฟัง งานขนาดเล็กประมาณ 100–300 วัตต์ งานขนาดกลาง 300–600 วัตต์ และงานกลางแจ้งหรืองานขนาดใหญ่ควรใช้ตั้งแต่ 600 วัตต์ขึ้นไป เพื่อให้เสียงกระจายได้ทั่วถึง
Q2: เครื่องเสียงกลางแจ้งแบบมีแบตเตอรี่ในตัวกับแบบเสียบปลั๊ก แตกต่างกันอย่างไร ควรเลือกแบบไหน?
A: แบบมีแบตเตอรี่เหมาะกับงานนอกสถานที่ เคลื่อนย้ายสะดวก ไม่ต้องพึ่งปลั๊กไฟ ส่วนแบบเสียบปลั๊กเหมาะกับการใช้งานต่อเนื่องเป็นเวลานาน หากใช้งานหลากหลาย แนะนำเลือกรุ่นที่รองรับทั้งแบตเตอรี่และไฟบ้าน
Q3: เครื่องเสียงกลางแจ้งจำเป็นต้องมีระบบกันน้ำหรือไม่?
A: ควรมี โดยเฉพาะการใช้งานกลางแจ้งเป็นประจำ ควรเลือกอย่างน้อยระดับ IPX4 เพื่อป้องกันน้ำกระเซ็นหรือละอองฝน ช่วยลดความเสี่ยง เมื่อสภาพอากาศไม่แน่นอน
สรุป
การเลือก เครื่องเสียงกลางแจ้ง ที่ตอบโจทย์ ควรพิจารณาจากลักษณะการใช้งานจริงเป็นหลัก ทั้งขนาดพื้นที่ จำนวนผู้ร่วมงาน และประเภทกิจกรรม ควบคู่กับงบประมาณที่เหมาะสม ในขณะที่ยังได้ทั้งคุณภาพเสียง ความทนทาน และฟีเจอร์ที่ครบถ้วน โดยควรเลือกซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ซึ่งจะได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ทำให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น และใช้งานได้อย่างคุ้มค่าในระยะยาวอีกด้วย

