สำหรับใครที่อยากได้ภาพมุมสูงสวย ๆ ระหว่างออกทริป หรือ อยากเก็บฟุตเทจวิดีโอสุดอลังการจากมุมที่กล้องธรรมดาทำไม่ได้ โดรนถ่ายภาพถือเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยเปิดมุมมองใหม่ ๆ ให้กับการถ่ายรูปหรือคลิปได้เป็นอย่างดี และเมื่อพูดถึงโดรน แบรนด์ที่หลายคนนึกถึงเป็นอันดับแรก ๆ คงหนีไม่พ้น DJI
แต่ด้วยรุ่นที่มีให้เลือกหลากหลาย แล้วจะเลือกโดรน DJI รุ่นไหนดีให้เหมาะกับสไตล์การใช้งานของเรา?บทความนี้ฟอร์จูนทาวน์ได้คัด 5 โดรน DJI ที่น่าใช้งานในปี 2025 มาให้ พร้อมสรุปสเปก จุดเด่น และฟีเจอร์สำคัญของแต่ละรุ่น เพื่อช่วยให้ทั้งมือใหม่และมืออาชีพตัดสินใจเลือกซื้อได้ง่ายขึ้น
.
วิธีเลือกโดรน DJI ให้เหมาะกับการใช้งาน
ก่อนตัดสินใจซื้อโดรน DJI แนะนำว่าควรตั้งธงในใจไว้ก่อนว่า เราจะใช้งานโดรนทำอะไร เพื่ออะไร? ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพท่องเที่ยว ถ่ายวิดีโอแบบมืออาชีพ หรือ แค่ต้องการเริ่มต้นลองเล่น เพราะสิ่งเหล่านี้มีผลต่อการเลือกรุ่นที่เหมาะสม รวมถึงงบประมาณ และมีปัจจัยหลักในการเลือกโดรน ที่ควรพิจารณา ดังนี้
เลือกจากความละเอียด
- 4K (3840×2160) เป็นความละเอียดมาตรฐานสำหรับงานวิดีโอระดับมืออาชีพ หรือ ยูทูบเบอร์
- 1080p (Full HD) เพียงพอสำหรับงานทั่วไป มือใหม่เพิ่งเริ่มต้น หรือ คนที่อยากลองเล่นโดรน
แต่แนะนำว่า ในปัจจุบันควรเลือกความละเอียดที่ 4K ขึ้นไป เพราะยิ่งความละเอียดสูง ภาพก็ยิ่งคมชัด และสามารถนำไปตัดต่อหรือซูมภาพได้โดยไม่เสียคุณภาพ
เลือกจากอัตราเฟรมเรต (fps)
- 30 fps เพียงพอสำหรับการถ่ายวิดีโอทั่วไป แต่หากต้องการความสมูทของภาพ หรือ ต้องนำภาพไปทำสโลว์โมชัน ควรเลือก 60 fps หรือ มากกว่า
เลือกจากขนาดเซนเซอร์กล้อง
ขนาดของเซนเซอร์มีผลกับคุณภาพของภาพในที่แสงน้อย
- เซนเซอร์ขนาด 1 นิ้วขึ้นไป ให้ภาพสวย คมชัด เหมาะกับการถ่ายภาพคุณภาพสูง
- เซนเซอร์ขนาดเล็ก เช่น 1/2.3 นิ้ว พบในโดรนรุ่นเริ่มต้น ราคาประหยัด ภาพอาจไม่ชัดเท่าที่ควรในที่แสงน้อย
เลือกจากระบบกันสั่น
หากโดรนมี Gimbal แบบ 3 แกน จะช่วยให้ภาพที่ได้มีความนิ่ง ลดการสั่นไหว เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการถ่ายวิดีโอคุณภาพสูง
เลือกจากระยะเวลาในการบินและความจุแบตเตอรี่
- หากใช้โดรนถ่ายภาพในระยะเวลาไม่นาน รุ่นที่บินได้ประมาณ 20–30 นาทีต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ก็เพียงพอ แต่หากต้องใช้เวลาถ่ายนาน แนะนำให้เลือกรุ่นที่มีเวลาบินเกิน 30 นาทีขึ้นไป
- ควรมีความจุแบตเตอรี่ 2,000 mAh ขึ้นไป และหากมีแบตสำรองเปลี่ยนระหว่างใช้งานได้จะสะดวกมาก
เลือกจากน้ำหนักและขนาดของตัวโดรน
- โดรนน้ำหนักเบา น้อยกว่า 249 กรัม เหมาะสำหรับคนที่เดินทางบ่อย เพราะพกพาสะดวก และไม่ต้องลงทะเบียนในหลายประเทศ
- หากต้องการใช้บินในพื้นที่ลมแรง เช่น บนภูเขา หรือ ชายหาด แนะนำให้เลือกโดรนขนาดกลางถึงใหญ่ ที่มีความเสถียรและควบคุมได้แม่นยำมากกว่า
เลือกจากระบบหลบสิ่งกีดขวาง
โดรนรุ่นที่มีเซนเซอร์รอบตัว ทั้งด้านหน้า ด้านหลัง และด้านล่าง จะช่วยให้การบินปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับมือใหม่
เลือกจากฟีเจอร์อัตโนมัติ
- Follow Me หรือ Active Track ให้โดรนติดตามวัตถุหรือคนโดยอัตโนมัติ
- Return to Home (RTH) โดรนจะบินกลับเองเมื่อแบตเตอรี่ต่ำหรือสัญญาณขาดหายไป
- Waypoint หรือ Quickshot สั่งถ่ายวิดีโอในหลายมุมแบบอัตโนมัติ เหมาะสำหรับคอนเทนต์ที่ต้องการความหลากหลายของมุมภาพ
.
5 รุ่นโดรน DJI แนะนำ ปี 2025 พร้อมเปิดสเปกและจุดเด่น
1. โดรน DJI Mini 2 SE ราคาเริ่มต้น 8,900 – 12,900 บาท

หากเป็นคนที่เพิ่งเริ่มเข้าวงการโดรน อยากลองใช้โดรนสักตัวโดยไม่ต้องลงทุนสูงเกินไป DJI Mini 2 SE ถือเป็นโดรน DJI ที่ตอบโจทย์และคุ้มค่า ทั้งในด้านราคา ขนาด และฟังก์ชันที่เพียงพอต่อการใช้งานเบื้องต้น
สเปกหลักและจุดเด่น
- น้ำหนักเบาเพียง 246 กรัม เบา สะดวกต่อการพกพา ไม่ต้องลงทะเบียนในหลายประเทศ
- ขนาดเล็กแต่บินนิ่ง เพราะมาพร้อม GPS และระบบช่วยทรงตัว ทำให้บินได้มั่นคงในลมไม่แรง
- กล้องความละเอียด 12MP พร้อมวิดีโอระดับ Full HD 2.7K
- เวลาบินต่อรอบสูงสุดนานประมาณ 31 นาที ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
- ระบบควบคุมง่าย ผ่านแอป DJI Fly เหมาะสำหรับมือใหม่ที่อยากเริ่มบินได้ทันที โดยไม่ต้องตั้งค่าซับซ้อน
- มีระบบส่งสัญญาณ DJI OcuSync 2.0 ควบคุมได้ไกลสูงสุด 10 กม.
- รองรับฟีเจอร์ QuickShots เช่น Dronie, Helix, Rocket และ Circle
- ราคาจับต้องได้ ในงบไม่เกินหมื่นกลาง ๆ หากเลือกชุด Fly More Combo ก็จะได้แบตเตอรี่ กระเป๋า ใบพัดเพิ่ม
เหมาะกับใคร
- คนที่เพิ่งเริ่มต้นใช้งานโดรน
- สายท่องเที่ยวที่ต้องการโดรนขนาดเล็ก น้ำหนักเบา พกพาสะดวก
- คอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่ต้องการวิดีโอสำหรับลงโซเชียล
.
2. โดรน DJI Avata 2 ราคาเริ่มต้น 14,900 – 34,600 บาท

หากเบื่อมุมกล้องเดิม ๆ อยากได้วิดีโอแนวใหม่ ที่ให้ความรู้สึกเหมือนได้บินเอง DJI Avata 2 คือ คำตอบ เพราะนี่คือโดรน FPV ที่ออกแบบมาให้ใช้งานง่ายขึ้น เหมาะกับคนที่มีประสบการณ์ในการบินโดรนมาก่อน และอยากเริ่มต้นในสาย FPV หรือ คนที่อยากสร้างความสนุกเร้าใจให้กับวิดีโอ
สเปกหลักและจุดเด่น
- น้ำหนักประมาณ 377 กรัม ยังถือว่าน้ำหนักเบาพอที่จะพกพา แต่ยังได้ความเสถียรในการบินแบบ FPV
- กล้อง 1/1.3” CMOS Sensor ความละเอียดสูง รองรับวิดีโอ 4K/60fps ให้ภาพคมชัด สมจริง พร้อมรองรับ RockSteady 3.0 และ HorizonSteady ป้องกันการสั่นไหวระหว่างบินได้อย่างยอดเยี่ยม
- เวลาบินต่อรอบประมาณ 23 นาที ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง เพียงพอสำหรับการถ่ายคลิป FPV หลายช็อต
- ระบบส่งสัญญาณ DJI O4 (OcuSync 4.0) เชื่อมต่อได้ไกลขึ้น ภาพคมชัด ตอบสนองได้แม่นยำ
- ควบคุมผ่าน DJI Motion Controller 2 บังคับทิศทางด้วยมือเสมือนเล่นเกม ง่าย และสนุกกว่าจอยปกติ
- ใช้งานร่วมกับ DJI Goggles 3 มองภาพจากมุมกล้องแบบ First Person เหมือนได้บินอยู่บนฟ้าจริง ๆ
- มีโครงกันชนรอบใบพัดในตัว ปลอดภัยมากขึ้นเมื่อต้องบินในพื้นที่แคบ เช่น ภายในอาคาร หรือ ลัดเลาะสิ่งกีดขวาง
เหมาะกับใคร
- ครีเอเตอร์สายวิดีโอที่อยากเพิ่มมุมมองแบบ FPV แบบในภาพยนตร์ หรือ อยากได้วิดีโอที่เร้าความรู้สึกของคนดูให้อินไปกับฉาก
- คนที่เคยมีประสบการณ์บินโดรนแล้ว และอยากได้ความสนุกในการบินโดรนมากขึ้น
.
3. โดรน DJI Mini 4 Pro ราคาเริ่มต้น 25,690 – 37,390 บาท

แม้จะอยู่ในซีรีส์ Mini ของโดรน DJI แต่ DJI Mini 4 Pro ถือเป็นโดรนรุ่นเล็ก ที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีแบบจัดเต็ม ทั้งเซ็นเซอร์กล้องคุณภาพสูง ระบบกันชนรอบตัว โหมดติดตามวัตถุอัตโนมัติ ไปจนถึงการถ่ายวิดีโอแบบ HDR และเกรดสีได้ในระดับ 10-bit จึงเหมาะสำหรับมือใหม่ที่เริ่มมีงบประมาณเพียงพอต่อการลงทุน หรือ มืออาชีพที่ต้องการโดรนสำรอง ฟังก์ชันครบครัน และพกพาง่าย
สเปกหลักและจุดเด่น
- น้ำหนักเบากว่า 249 กรัม ไม่ต้องลงทะเบียนในหลายประเทศ สะดวกในการพกพา เดินทางง่าย
- กล้อง 1/1.3” CMOS ความละเอียด 48MP ถ่ายภาพนิ่งคมชัด และรองรับวิดีโอ 4K/60fps HDR
- รองรับวิดีโอแบบ 10-bit D-Log M และ HLG สำหรับการเกรดสีระดับมืออาชีพ
- เวลาบินสูงสุดประมาณ 34 นาที ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และสูงสุด 45 นาที หากใช้ Intelligent Flight Battery Plus
- ระบบส่งสัญญาณ OcuSync 4.0 สัญญาณไกลสุดถึง 20 กม. และคุณภาพสัญญาณเสถียรกว่าเดิม
- มาพร้อมระบบ กันชนรอบทิศทาง (Omnidirectional Obstacle Sensing) ลดความเสี่ยงชนสิ่งกีดขวาง
- รองรับฟีเจอร์อัจฉริยะ เช่น
- ActiveTrack 360° ติดตามวัตถุอัตโนมัติ
- Waypoint Flight Mode กำหนดเส้นทางบินล่วงหน้า
- MasterShots & QuickShots ถ่ายคลิปอัตโนมัติในหลากหลายมุม
- Smart RTH พร้อมหลบหลีกสิ่งกีดขวาง
เหมาะกับใคร
- มือใหม่สายจริงจังและมีงบประมาณเริ่มต้น 20,000 – 30,000 บาท ที่อยากเริ่มต้นแบบไม่ต้องคอยอัปเกรดหลายรอบ
- สายท่องเที่ยว หรือ Vlogger ที่ต้องการโดรนพกพาง่ายแต่ให้ภาพคุณภาพสูง และอยากได้ฟุตเทจแบบมืออาชีพด้วยโดรนที่ใช้งานง่าย
- ช่างภาพสายโดรนแบบมืออาชีพ ที่ต้องการโดรนสำรองฟังก์ชันครบ ลูกเล่นเยอะ มีความคล่องตัว
.
4. โดรน DJI Air 3 ราคาเริ่มต้น 27,990 – 38,790 บาท

หากกำลังมองหาโดรนที่อยู่กึ่งกลางระหว่างรุ่นเล็กพกง่ายกับรุ่นใหญ่สายโปร และยังต้องการประสิทธิภาพแบบบินแล้วจบ ไม่ต้องอัปเกรดบ่อย DJI Air 3 คือ ตัวเลือกที่สมดุลที่สุดในกลุ่มโดรนระดับกลางของ DJI ในปี 2025
เพราะ Air 3 เป็นโดรนรุ่นแรกของซีรีส์ Air ที่มาพร้อม กล้องคู่ในตัว ทำให้คุณถ่ายได้ทั้งมุมกว้าง (Wide) และมุมซูมแบบ Tele โดยไม่ต้องเปลี่ยนเลนส์หรือเข้าใกล้วัตถุ เหมาะสำหรับทั้งสายเที่ยว สายวิดีโอ และครีเอเตอร์ที่ต้องการความยืดหยุ่นสูง
สเปกหลักและจุดเด่น
- น้ำหนักประมาณ 720 กรัม ค่อนข้างมีน้ำหนัก แต่ให้ความแข็งแรง บินนิ่ง แม้เจอลมแรง
- กล้องคู่ ได้แก่ กล้องหลัก 24 mm. (Wide) และ กล้องรอง 70 mm. (Tele) โดยทั้งสองตัวใช้เซ็นเซอร์ 1/1.3” CMOS ความละเอียด 48MP
- รองรับวิดีโอ 4K สูงสุด 100fps และ 10-bit D-Log M / HLG
- เวลาบินสูงสุดถึง 46 นาที ต่อแบตเตอรี่ 1 ก้อน
- ระบบส่งภาพ OcuSync 4.0 เสถียรและควบคุมไกลสูงสุด 20 กม.
ระบบกันชนรอบทิศทาง (Omnidirectional Obstacle Sensing) ตรวจจับสิ่งกีดขวางได้ทุกมุม - มีฟีเจอร์อัตโนมัติหลากหลาย
- ActiveTrack / Spotlight / POI โฟกัสและติดตามวัตถุ
- Waypoint Flight บินตามเส้นทางกำหนด
- QuickShots / MasterShots ถ่ายคลิปอัตโนมัติหลายมุม
- Smart RTH พร้อมหลบหลีกสิ่งกีดขวางระหว่างกลับจุดเริ่มต้น
เหมาะกับใคร
- คนที่อยากอัปเกรดจากโดรน DJI รุ่น Mini หรือ รุ่นเริ่มต้น
- สายคอนเทนต์ที่เน้นคุณภาพวิดีโอและต้องการมุมกล้องหลากหลาย
- ช่างภาพหรือวิดีโอที่ต้องการความมั่นใจทั้งด้านการบินและภาพ
- สายเที่ยวจริงจังที่อยากได้โดรนไว้ใช้ระยะยาว
.
5. โดรน DJI Mavic 4 Pro ราคาเริ่มต้น 73,990 – 120,490 บาท

หากกำลังมองหาโดรน DJI ที่ใช้กล้องระดับภาพยนตร์ ระบบบินอัจฉริยะขั้นสูง และฟีเจอร์จัดเต็มสำหรับการถ่ายทำ DJI Mavic 4 Pro คือ โดรน DJI ที่มาแรงในวงการโดรนระดับมืออาชีพแห่งปี 2025
Mavic 4 Pro ได้รับการพัฒนาให้เหนือกว่ารุ่นก่อนหน้า ทั้งด้านกล้อง การควบคุม ความปลอดภัย และการประมวลผลไฟล์ รองรับงานวิดีโอระดับโปรดักชัน รวมถึงงานที่ต้องการความละเอียดสูง เช่น โฆษณา สารคดี และภาพยนตร์
สเปกหลักและจุดเด่น
- เซ็นเซอร์กล้อง Hasselblad 4/3” CMOS ขนาดใหญ่ ให้ภาพคมชัด สีเที่ยงตรง และเก็บรายละเอียดได้ยอดเยี่ยม แม้ในสภาพแสงน้อย
- รองรับวิดีโอความละเอียดสูงสุด 5.1K/60fps DCI 4K/120fps พร้อม 10-bit D-Log M และ Apple ProRes สำหรับงานตัดต่อขั้นสูง
- กล้อง Telephoto (ซูม) ความละเอียด 48MP ถ่ายระยะไกลได้ชัดโดยไม่ต้องบินเข้าใกล้
- เวลาบินสูงสุดประมาณ 45–50 นาที
- ระบบส่งสัญญาณ OcuSync 4.0 หรือ DJI Transmission เสถียร คมชัด ระยะไกล
- ระบบ Omnidirectional Obstacle Avoidance แบบ AI รุ่นล่าสุด หลีกสิ่งกีดขวางรอบทิศทางแบบแม่นยำ
- ฟีเจอร์ขั้นสูง ได้แก่
- ActiveTrack 360° AI ติดตามวัตถุแบบลื่นไหลในมุมที่หลากหลาย
- Waypoint Flight Pro สร้างเส้นทางการบินแบบมืออาชีพ
- MasterShots / QuickShots ช่วยถ่ายคลิปอัตโนมัติคุณภาพสูงในหลายมุม
- Smart RTH / Terrain Follow / Cruise Control
เหมาะกับใคร?
- มืออาชีพสายภาพและวิดีโอ ที่ต้องการคุณภาพไฟล์สูงระดับ RAW หรือ ProRes
- โปรดักชันเฮาส์ หรือ ทีมงานถ่ายทำระดับมืออาชีพ ที่ต้องการความแม่นยำ ความเสถียร และความปลอดภัย
- สายเที่ยว หรือ สายคอนเทนต์ที่มีงบประมาณสูงและอยากยกระดับคุณภาพงานให้ใกล้เคียงกล้องภาพยนตร์
.
เปรียบเทียบสเปกและจุดเด่นของโดรน DJI ทั้ง 5 รุ่น
รุ่น | DJI Mini 2 SE | DJI Avata 2 | DJI Mini 4 Pro | DJI Air 3 | DJI Mavic 4 Pro |
ราคาประมาณ | ฿8,900 – ฿12,900 | ฿14,900 – ฿34,600 | ฿25,690 – ฿37,390 | ฿27,990 – ฿38,790 | ฿73,990 – ฿120,490 |
น้ำหนัก | 246 กรัม | 377 กรัม | < 249 กรัม | 720 กรัม | ~900 กรัม+ |
เซ็นเซอร์กล้อง | 1/2.3” CMOS | 1/1.3” CMOS | 1/1.3” CMOS | 1/1.3” CMOS (คู่) | 4/3” CMOS (Hasselblad) + Tele 48MP |
ความละเอียดภาพนิ่ง | 12MP | ~12MP | 48MP | 48MP (ทั้ง 2 กล้อง) | สูงสุด 48MP |
วิดีโอสูงสุด | 2.7K / 30fps | 4K / 60fps | 4K / 60fps HDR / 10-bit | 4K / 100fps / 10-bit | 5.1K / 60fps, DCI 4K / 120fps, ProRes |
เวลาบินสูงสุด | 31 นาที | 23 นาที | 34 – 45 นาที | 46 นาที | 45 – 50 นาที |
ระบบกันสั่น | 3-Axis Gimbal | RockSteady 3.0 / HorizonSteady | 3-Axis Gimbal | 3-Axis Gimbal | 3-Axis Gimbal Pro |
ระบบหลบสิ่งกีดขวาง | ไม่มี | ไม่มี (มีกันชนรอบใบพัด) | มีรอบทิศ (Omnidirectional) | มีรอบทิศ (Omnidirectional) | มี AI รอบทิศแบบ Pro |
ฟีเจอร์อัตโนมัติ | QuickShots | Motion Controller, Goggles, Manual Acro | ActiveTrack 360°, MasterShots, Waypoint | ActiveTrack, Spotlight, POI, Waypoint | ActiveTrack 360° AI, Waypoint Pro, Smart RTH |
ระบบส่งสัญญาณ | OcuSync 2.0 | OcuSync 4.0 (DJI O4) | OcuSync 4.0 | OcuSync 4.0 | OcuSync 4.0 / DJI Transmission |
เหมาะกับใคร | • มือใหม่ • สายท่องเที่ยวเบา ๆ | • FPV สายตื่นเต้น• ครีเอเตอร์ | • มือใหม่จริงจัง • ยูทูบเบอร์สายเที่ยว | • ยูทูบเบอร์ • คอนเทนต์มืออาชีพ | • สายโปรดักชัน โฆษณา • มืออาชีพจริงจัง |
.
ซื้อโดรน DJI ซื้อที่ไหนดี? แนะนำร้านในฟอร์จูนทาวน์
อยากลองสัมผัสโดรน DJI หรือ ทดลองใช้งานจริง สามารถเดินทางมาสัมผัสหรือชมสินค้าตัวจริงได้ ที่โซน Digital Camera ชั้น 2 ภายในศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์ได้ ดังนี้






ศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์ (Fortune Town) เดินทางสะดวกด้วย MRT สายสีน้ำเงิน สถานีพระราม 9 ทางออก 1 เปิดบริการทุกวัน 10.00 – 22.00 น.
สรุป
หากกำลังมองหาโดรน DJI ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านการถ่ายภาพ วิดีโอ และการพกพาอยู่ สำหรับในปี 2025 นี้ มีตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นอย่าง Mini 2 SE ที่ใช้งานง่าย ราคาไม่เกินหมื่นกลาง ๆ ไปจนถึงรุ่นมืออาชีพอย่าง Mavic 4 Pro ที่รองรับวิดีโอระดับ 5.1K และกล้อง Hasselblad พร้อมระบบบินอัจฉริยะขั้นสูง รวมถึงรุ่นเด่นอย่าง Mini 4 Pro ที่มีระบบกันชนรอบทิศทาง รุ่น Avata 2 ที่เน้นคลิปแนว FPV สนุกเร้าใจ และ Air 3 ที่มีกล้องคู่ซูม-กว้างครบในตัว เหมาะกับทั้งสายเที่ยว สายวิดีโอ และมืออาชีพที่ต้องการคุณภาพและฟีเจอร์ครบจบในตัวเดียว