เมื่อเอ่ยถึง เมมโมรี่การ์ด หลายคนคงนึกถึงชิปขนาดเล็ก เห็นได้ในโทรศัพท์บางยี่ห้อ แต่ในความเป็นจริง Memory Card ยังสามารถใช้งานร่วมกับกล้องดิจิทัล สมาร์ตโฟน โดรน และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อจัดเก็บ สำรอง และโอนถ่ายข้อมูลได้อีกด้วย
ข้อแตกต่างระหว่างเมมโมรี่การ์ดที่ใช้ในอุปกรณ์แต่ละประเภท ก็คือ ขนาดของตัวการ์ดที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รองรับ ความเร็วในการเขียนและอ่านของการ์ดหน่วยความจำและความจุ นั่นเอง ในบทความนี้ขอพาคนรักการถ่ายรูปและสายเทคฯ ไปรู้จักกับเมมโมรี่การ์ดให้ดีขึ้น พร้อมแชร์ทริกในการเลือกให้เหมาะสมกับอุปกรณ์ มาเริ่มกันเลย
เจาะความหมาย เมมโมรี่การ์ด คืออะไร ทำงานอย่างไร?
เมมโมรี่การ์ด (Memory Card) คือ อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับเก็บข้อมูลสำรองแบบพกพาขนาดเล็ก ซึ่งใช้ร่วมกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ประเภทต่าง ๆ เพื่อจัดเก็บไฟล์ข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไฟล์รูปถ่าย ไฟล์วิดีโอ หรือไฟล์เอกสาร สามารถถอดออกจากอุปกรณ์หนึ่งไปยังอีกอุปกรณ์หนึ่งได้
โดยเมมโมรี่การ์ดจะมีชิปที่มีทรานซิสเตอร์ 2 ตัว หน้าที่ของตัวแรก คือ เปลี่ยนข้อมูลบันทึกต่าง ๆ ให้เป็นอิเล็กตรอนแล้วบันทึกให้อยู่ในรูปแบบประจุไฟฟ้า ส่วนทรานซิสเตอร์ตัวที่ 2 ทำหน้าที่เปลี่ยนประจุไฟฟ้าให้อยู่ในค่าไบนารี่หรือที่เรารู้จักกันในชื่อเลขฐาน 2 นั่นเอง
อะไรคือความเร็วในการเขียนและอ่านของเมมโมรี่การ์ด?
ความเร็วในการเขียนและอ่านข้อมูลที่มีค่าต่ำหรือสูงนั้น จะมีข้อได้เปรียบเสียเปรียบแตกต่างกันไปตามเงื่อนไขของอุปกรณ์บันทึก และเรื่องข้อจำกัดของประเภทไฟล์นั้น ๆ ด้วยเพราะหากไฟล์ที่ต้องการบันทึกมีขนาดที่ใหญ่แต่ความเร็วในการเขียนและอ่านของเมมโมรี่การ์ดต่ำ ยกตัวอย่างเช่น การ์ดที่ใช้นั้นมีความเร็วที่ 2MB/sec แต่ใช้ในการบันทึกวิดีโอความละเอียด 4K การ์ดอาจจะเกิดข้อผิดพลาดและเกิดอาการค้างได้ แถมยังมีผลไปถึงการเรียกใช้ข้อมูลว่าเปิดขึ้นมาแสดงผลได้เร็ว โดยความเร็วในการอ่านเขียนของการ์ดจะมีตั้งแต่ 2MB/sec ไปจนถึง 624 MB/sec โดยจะแบ่ง 3 ระดับ
- Ultra High Speed Bus I (UHS-I)
ลักษณะของ UHS-I คือ กล้องที่รองรับการ์ดนี้จะทำความเร็วสูงสุดที่ 104 MB/sec
- Ultra High Speed Bus I (UHS-II)
ลักษณะของ UHS-II คือ กล้องที่รองรับการ์ดนี้จะทำความเร็วสูงสุดที่ 312 MB/sec
- Ultra High Speed Bus I (UHS-III)
ลักษณะของ UHS-III คือ กล้องที่รองรับการ์ดนี้จะทำความเร็วสูงสุดที่ 624 MB/sec
ชวนรู้จัก 4 ประเภทของเมมโมรี่การ์ด
ในปัจจุบันได้มีเมมโมรี่การ์ดให้เลือกได้ถึง 4 ประเภท ซึ่งหลายคนอาจจะคุ้นหูกันดีอยู่แล้ว กับ SD Card หรือ Micro SD Card นอกจากนี้จะมีอะไรบ้าง มาเรียนรู้ไปพร้อมกันเลย
- Micro SD Card
Micro SD Card ส่วนใหญ่จะใช้ในโทรศัพท์ แท็บเล็ต เพราะมีขนาดเล็กแต่ถ้าใช้ Adapter SD Card ก็สามารถใช้งานกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือใส่กล้องได้เช่นกัน
- SD Card (Secure Digital Card)
Secure Digital Card หรือ SD Card คือ อุปกรณ์บันทึกข้อมูลดิจิทัล นิยมใช้มากที่สุดในโทรศัพท์และกล้อง ไม่ว่าจะเป็นกล้องดิจิทัลหรือกล้อง DSLR นอกจากนี้ใครเป็นสาย Nintendo Switch การ์ดประเภทนี้ก็เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ ปัจจุบัน SD Card แบ่งออกเป็น 4 รูปแบบตามลักษณะการใช้งาน ดังนี้
- แบบธรรมดา ใช้งานกับได้ทั้งกับกล้องและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ธรรมดาได้
- แบบ Ultra สำหรับกล้องที่ถ่ายรูป Full HD และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีสเปกสูงขึ้น
- แบบ Extreme รองรับการใช้งานได้หลากหลายมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นภาพนิ่งที่ความละเอียดที่สูงขึ้นและวิดีโอที่ 4K
- แบบ Extreme Pro การใช้งานได้อย่างไม่มีข้อจำกัดทั้งการเขียนข้อมูลในการบันทึกได้เร็วขึ้น
- CF Card (Compact Flash Card)
ตัวการ์ดมีขนาดใหญ่ แข็งแรงทนทาน และความเสถียรสูง จึงเหมาะกับกล้องโปร ตัวท็อป
- Wi-Fi Card
ในปัจจุบันมีการแชร์ข้อมูลกันอย่างแพร่หลาย Wi-Fi Card จึงถูกออกแบบมาให้กับกล้องรุ่นที่ไม่มีฟังก์ชัน Wi-Fi มาให้ได้ใช้งานส่งไฟล์ภาพ วิดีโอเข้ามือถือได้
เมมโมรี่การ์ด แบบใดและความจุเท่าไรที่ใช่สำหรับคุณ
ไม่ว่าจะเป็นคุณจะเป็นมือใหม่หัดจับกล้อง คอนเทนต์ครีเอเตอร์ เกมเมอร์ หรือช่างภาพมืออาชีพก็อาจเผชิญปัญหาในการเลือกซื้อเมมโมรี่การ์ด แต่ไม่ต้องกังวลไปวันนี้เราจะพามารู้จักกับสัญลักษณ์ 7 ประเภทบนตัวการ์ด ที่บ่งบอกคุณลักษณะ แบบใดที่ใช่สำหรับคุณ มาเช็กกันเลย
- ความจุ
ความจุเมมโมรี่การ์ด มีตั้งแต่ 2GB ไปจนถึง 2TB ยิ่งมีความจุมากเท่าไรก็สามารถเก็บไฟล์ได้เยอะมากขึ้น
- Video Speed Class
วิดีโอสปีดคลาส หรือ สัญลักษณ์ V จะมีตั้งแต่ V30 , V60 , V90 เพื่อบ่งบอกว่าสามารถถ่ายงานประเภทวิดีโอความละเอียดสูงได้
- Class
คลาส คือ ความเร็วในการเขียนของตัวการ์ดจะเรียกว่า UHS Speed ที่มี Class U1 และ U3
- สัญลักษณ์พิเศษ
สัญลักษณ์พิเศษที่ใช้ในการแบ่ง Segment ของที่วางจำหน่าย
- ความเร็วเขียนอ่าน
ความเร็วของเมมโมรี่การ์ด เป็นตัวเลขสำคัญในการเลือกซื้อเลยก็ว่าได้ เพราะยิ่งมีตัวเลขเยอะมากเท่าไรการเรียกใช้ข้อมูลก็เร็วมากเท่านั้นแต่จะมีผลต่อราคาที่สูงขึ้นไปอีกด้วย
- รูปแบบของตัวการ์ด
จะแบ่งหลัก ๆ ได้ 3 แบบ SD , SDHC , SDXC เป็นตัวที่กำหนดค่าแทบทุกอย่างของเมมโมรี่การ์ด
- แบรนด์
ความน่าเชื่อถือของแบรนด์ และการรับประกันก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ควรเปรียบเทียบก่อนซื้อ
เมมโมรี่การ์ดสำหรับตากล้อง ที่ต้องมีติดกระเป๋า!
ภาพจาก: dpreview.com
สำหรับเมมโมรี่ที่น่าจับตามองประจำปี 2024 ที่ตากล้องควรมีติดกระเป๋า เราคัดสรรเมมโมรี่การ์ด ราคาสบายกระเป๋ามาให้ไปตามจับจอง ตามไลฟ์สไตล์และความเหมาะสมกับตากล้องแต่ละสาย ดังนี้
- Sandisk Extrem Pro UHS-I SDXC U3
มีความเร็วอ่าน 280 MB/Sec และ เขียน 250 MB/Sec รองรับการที่บันทึกได้ถึงวิดีโอ 4K ได้เร็วทันใจ มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 1750 – 4560 บาท
- Lexar Professional 600x
สำหรับตากล้องที่ต้องการโอนย้ายไฟล์ไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ได้รวดเร็ว มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 700-5250 บาท
- Eyefi Mobi Pro
เมมโมรี่การ์ดWi-Fi สำหรับตากล้องที่มีกล้องไม่รองรับ Wi-Fiและเป็นสายชอบแชร์สามารถใช้โทรศัพท์เป็นที่ย้ายมาไว้ได้ทันที
เคล็ดไม่ลับ เลือกอย่างไร ให้เหมาะสมกับการใช้งานของตากล้อง
- สำหรับมือใหม่ ถ่ายขำ ๆ ไม่จริงจัง ควรเลือก SDXC แบบ UHS-I ความจุเริ่มต้นควรเป็น 32GB – 64GB ก็เพียงพอต่อการใช้งาน
- สำหรับสายคอนเทนต์ครีเอเตอร์ก็จะแนะนำเป็นแบบมือใหม่ แต่ถ้าถ่ายจริงจังหรืออยากใช้งานได้ยาว ๆ ควรเลือกเป็น SDXC UHS-I 64GB ไปเลย
- สำหรับเน้นถ่ายวิดีโอ Footage หลาย ๆ ช็อต หรือที่มีความละเอียดสูงก็จะแนะนำให้เลือก SDXC UHS-II
เลือกเก็บความทรงจำ กับแหล่งกล้องและเมมโมรี่หลากรูปแบบที่ Fortune Town
สำหรับผู้ที่มองหาเมมโมรี่สำหรับกล้อง โดรนหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ทั้งวิธีเลือก และวิธีการใช้งาน พร้อมกับจับจองเป็นเจ้าของได้ที่ โซน Digital Camera ชั้น 2 Fortune Town บอกเลยว่ามีครบจบทุกประเภทและความจุ ให้การเก็บภาพความทรงจำของคุณเป็นเรื่องง่ายกว่าที่เคย
อ้างอิง
📍ฟอร์จูนทาวน์ เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 10.00 น. – 22.00 น.